วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Change - ชีวิตที่เปลี่ยนไป

สวัสดีครับ สำหรับฉบับนี้อยากจะพูดถึงเรื่อง “การเปลี่ยนแปลง” ซึ่งช่วงนี้ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งการเมืองของสหรัฐฯ และประเทศไทยเองซึ่งผมเองคงจะไม่ได้มาเล่าเรื่องการเมืองนะครับ แต่จะมาเล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่ผนวกเอาวิถีชีวิตที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเจ้าอุปกรณ์ และสังคมชีวิตออนไลน์ที่นับวันการเปลี่ยนแปลงค่อยๆ คืบคลานเข้ามาจนบางทีอาจจะมีผลดีและไม่ดีกับชีวิตใครบางคนเลยทีเดียว เอาเป็นว่ามาดูกันครับ

อุปกรณ์

1. คอมพิวเตอร์ – คงเป็นที่รู้กันแล้วว่าถ้าบ้านไหนไม่มีเจ้าเครื่องนี้คงจะเชยสิ้นดี นวัตกรรมของคอมพิวเตอร์ถ้าพูดถึงเมื่อสิบปีก่อนหรือก่อนหน้านี้ เครื่องจะมีขนาดใหญ่และเทอะทะ ซึ่งช่วงหลังๆ จะเห็นได้ว่าพื้นที่ (Space) ได้มีการย่อขนาดให้มีขนาดบางลง เล็กลง จนกระทั่งเดี๋ยวนี้กลายเป็นเรื่องของดีไซน์ไปซะแล้ว อย่างที่เราคงอาจจะเคยเห็นเครื่อง Computer ของ Apple ถ้าดูสมัยก่อนจอมอนิเตอร์ที่แต่ก่อนมีหลอดภาพขนาดใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้กลับบางเฉียบ และคุณภาพของจอได้มีการพัฒนาให้คมชัดและเสมือนจริงเลยทีเดียว เมื่อเทคโลยีพัฒนาไปมากหลายๆ คนหันมาใช้ Notebook หรือคอมพิวเตอร์แบบพกพามากกว่า ซึ่งทำให้เอาไปไหนก็ได้ เครื่อง Notebook ก็ได้มีการพัฒนาให้เบา และบางกว่าแต่ก่อน ทำให้พกไปไหนมาไหนสะดวก ไม่ต้องจำกัดในเรื่องสถานที่ในการทำงาน และการขนย้ายอีกด้วย



2. โทรศัพท์มือถือ – ถ้ามองดูไปเมื่ออดีตที่ผ่านมา คิดว่าหลายคนคงเคยเห็นโทรศัพท์รุ่นกระติกน้ำ หรือรุ่นท่อนไม้ (แล้วแต่จะเรียก)ซึ่งราคาเครื่องหรือค่าใช้จ่ายในการใช้งานในสมัยก่อนราคาสูงมาก แต่โทรศัพท์ในสมัยนี้ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินชีวิตอย่างมาก ขนาดบางคนลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านก็ยอมลงทุนขับรถหรือนั่งรถกลับไปเอาเลยทีเดียว เมื่อมาดูขนาดของโทรศัพท์สมัยนี้ได้มีการย่อส่วน กะทัดรัด จนกระทั่งบางเฉียบ จนเริ่มสงสัยว่าท้ายที่สุดแล้วเรามีโทรศัพท์ไว้เพื่อรับสาย หรือโทรออกหรือเปล่า ยิ่งเดี๋ยวนี้บางคนจะซื้อโทรศัพท์ ต้องมีสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ในการตัดสินใจซื้อครับ

• ต้องส่ง SMS (Short Messaging Service) และ MMS (Multimedia Messaging Service) - แต่ก่อนส่งแค่ข้อความ แต่เดี๋ยวนี้ต้องส่งรูป ส่งคลิปหรือส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย ทำให้หลายคนต้องรีบไปเติมน้ำมันบ้าง ไปช้อปปิ้งบ้าง เพราะว่าข้อความเพียงไม่กี่คำสามารถทำให้ปั๊มน้ำมันมีคิวยาวเหยียดอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
• ต้องมี Bluetooth – เพื่อเอาไว้เชื่อมต่อกับหูฟังไร้สาย เพราะว่าถ้าโทรไปคุยไปอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
• ต้องมีโปรแกรมเสริม – เดี๋ยวนี้ต้องเช็คเมล์ ดูเว็บ คุย Chat ดูหุ้น ทำให้บางคนไปประชุมงาน แต่กลับก้มหน้าก้มตาอ่านเมล์ นั่งขำ นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว คล้ายๆ กับคน...
• ต้องมีเกมส์ – อันนี้ขาดไม่ได้ เราจะเห็นได้ว่าเด็กๆ สมัยนี้มีโลกส่วนตัวคือ เมื่อไปไหนก้มหน้าก้มตา กด กด และกดโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
• ต้องมีกล้อง – นับวันคุณภาพของภาพถ่ายก็มีความละเอียด และชัดมากขึ้นยิ่งโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ แล้ว แต่บางคนนอกจากจะเอากล้องไปใช้ถ่ายในสิ่งที่ดีๆ บางคนกลับกลายเป็นถ่ายคลิปวีดีโอ ถ่ายรูปที่ไม่สมควรจะถ่ายและก่อให้เกิดปัญหาสังคมในปัจจุบัน เช่นภาพลามกอนาจาร คลิปแอบถ่าย ฯ
• ต้องต่อกับ Internet ผ่าน Wi-fi – บางคนเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองทำการเชื่อมต่อ Internet ผ่านโทรศัพท์มือถือ ร้านกาแฟก็เลยกลายเป็นที่ทำงานไปเลยทีเดียว กาแฟหนึ่งแก้วแต่ทำให้คุณนั่งอยู่ในร้านได้ทั้งวัน
• ต้องบล็อคคนที่จะไม่รับสายได้ – คนไหนที่เราไม่อยากรับ อย่างพวกขายประกัน ขายบัตรเครดิต พวกมิจฉาชีพ หรือคนที่ชอบโทรมาไม่มีอะไรคุย โทรศัพท์บางรุ่นสามารถบล็อคเบอร์ของคนพวกนั้นไม่สามารถติดต่อคุณได้
• ต้องฟังเพลงได้ – สมัยก่อนเราฟังเพลงผ่านเครื่องเล่น Cassette และก็พัฒนากลายมาเป็นซีดี แต่สำหรับโลกปัจจุบัน ในโทรศัพท์ของใครบางคนอาจจะมีเพลงที่แทบจะเป็นขยะ และบางคนฟังมากจนกระทั่งต้องตะโกนถามว่า “ได้ยินไหม”
• ต้องมี GPS (Global Positioning System) – โทรศัพท์บางเครื่องกลายเป็นเครื่องนำทางไปซะแล้ว จนหลายคนเริ่มที่จะฝากชีวิตของการนำทางไว้กับโทรศัพท์หรือเครื่องนำทาง จนอาจจะมีคนทักว่า “ใกล้แค่นี้จำไม่ได้เหรอ”
• ต้องทำประชุมหลายสายได้ (Conference) - แค่คุยคนเดียวเราก็จะปวดหัวอยู่แล้ว แต่บางคนต้องคุยกันสองสามคน แถมบางคนใช้ในทางที่ผิดคือโทรไปหาคู่กรณีของอีกฝ่าย และหลอกคุยเพื่อให้คู่กรณีอีกฝ่ายฟัง ทำให้ชีวิตมีปัญหาไปเลยก็มี
• ต้องใส่ซิม 2 อันได้ – ชีวิตหลายคนคงสับสนวุ่นวายเพราะบางคนมีโทรศัพท์มากกว่า 1 เครื่อง บางคนก็ใช้โทรคุยที่ทำงาน บางคนไว้รับสายคนที่บ้านแยกแยะชีวิตอย่างชัดเจน โทรศัพท์บางรุ่นจึงทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป คือไม่ต้องสับซิมไปมา แต่บางคนตัดปัญหาเรื่องการพกพาหลายเครื่องโดยตั้งใจว่า “ถ้าวันหยุดจะไม่รับสายใครเลย” หรือ “ถ้าเป็นเบอร์แปลกๆ จะไม่รับ”
• ต้องมีพื้นที่การเก็บข้อมูลได้เยอะ – โทรศัพท์มือถือบางตัวได้กลายเป็นที่บรรจุข้อมูลอย่าง เพลง แฟ้มเอกสาร ข้อความ เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ

ชีวิตออนไลน์

- เกมส์ออนไลน์ –ถ้าพูดถึงเกมส์สมัยก่อนผมเชื่อว่า เกมส์สามารถช่วยฝึกไหวพริบ สนุก ง่ายไม่ซับซ้อนในการที่เราจะเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน แต่เกมส์สมัยนี้ อย่างเช่นเกมส์ออนไลน์กลับกลายเป็นทำให้ผู้เล่นเกิดอาการ “ติด” อย่างงอมแงม เกมส์มีความซับซ้อนสูง ใช้ระยะเวลาในการเล่นนานถึงนานมาก(ไม่กินข้าวกินปลาก็มี เคยเป็นข่าวเสียชีวิตตายคาหน้าเกมส์ก็มี) ผมเองมองว่าผู้ผลิตเกมส์บางรายก็ไร้ซึ่งจริยธรรม แสวงหาแต่ผลกำไรคือมีพวกโฆษณาแฝงอยู่ในเกมส์ มีการให้ผู้เล่นซื้ออาวุธหรืออุปกรณ์เสริมเพื่อให้ตัวละครดูแข็งแกร่ง จึงทำให้ผู้ปกครองบางคนเดือดร้อนที่ลูกๆ ต้องการนำเงินไปซื้อกับของในโลกเสมือนจริง และหลายคนเสียการเรียนไม่ไปเรียนเลยก็มี เกมส์ออนไลน์อาจจะมีข้อดีบ้างคือทำให้เข้าใจโลกของการค้าขาย แต่ถ้าไม่สอนบุตรหลายอย่างถูกต้องในเรื่องการค้าขาย สิ่งที่เด็กซึมซับมาแบบผิดๆ อาจจะกลายเป็นการพนัน และทำให้ผู้เล่นรู้จักแต่การโกง การกอบโกย การเอาเปรียบจนบางคนพัฒนาจนเป็นนิสัยเมื่อเขาโตขึ้นก็เป็นได้

- สังคมออนไลน์ – แต่ก่อนเราไปไหนมาไหนก็ถ่ายรูป ไปล้างฟิล์มเอามาแจกกัน พูดคุยถึงบรรยากาศเก่าๆ แต่เดี๋ยวนี้ ไปไหนมาไหนถ่ายรูป ส่งรูป ทำโน่นทำนี่ เข้าห้องน้ำ ยังเอามาเขียนเป็นชีวิตให้คนอื่นได้อ่านกัน เอาเป็นว่ารู้ทุกฝีก้าวว่าคนที่เราติดตามอ่านอยู่นี้ ตอนนี้มีแฟนคนที่เท่าไหร่แล้ว และใครเป็นคู่อริ จนกลายเป็นเหมือนนิยายเรื่องนึงที่แม้แต่คุณเองก็อาจจะเป็นคนนึงที่อาจจะไม่เคยคิดว่า “เรื่องของเราก็ปวดหัวพอแล้ว ทำไมต้องไปยุ่งเรื่อง...” สังคมใหม่ๆ บนโลกออนไลน์ก็มีเยอะแยะมากมาย แล้วแต่ว่าคุณเองจะไปขึ้นอยู่กับกลุ่มไหน เช่น กลุ่มชมรมคนรักสุนัข กลุ่มคนไอที กลุ่มคนรักหนังสือ ฯลฯ แต่ที่น่ากลัวก็มีอย่างเช่น กลุ่มหัวรุนแรง กลุ่มรักร่วมเพศ กลุ่มลัทธิหรือคลั่งศาสนา ฯลฯ ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการเข้าไปในกลุ่มสังคมพวกนี้เหมือนกันนะครับ

- คุยแชท (Chat) – เดี๋ยวนี้การที่จะรู้จักใครซักคนไม่เป็นเรื่องยาก โปรแกรมหลายๆ ตัวจึงมีบทบาทสำคัญที่ทำให้การที่ทำให้การพูดคุยเดี๋ยวนี้ไม่ต้องเจอตัวกันจริงๆ ก็มากลายเป็นการที่เรานั่งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยมและก็เห็นอีกฝ่ายนึง คุยไปด้วย เปิดกล้องคุยไปด้วย พูดผ่านไมโครโฟน โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปมาหาสู่กันเหมือนแต่ก่อน บางคนที่ไม่รู้จักก็คุยกันได้ ซึ่งความเขินอายสมัยก่อนผมถือว่ามีมากกว่าสมัยนี้ ที่เราคงจะเขินหรืออายในการพบปะคนที่ไม่รู้จัก แต่ชีวิตของบางคนสมัยนี้ก็เปลี่ยนไป บางคนก็คุยกันผ่านโปรแกรมก่อนและก็ไปนัดเจอกันจริงๆ บ้างก็หลอกลวงถึงขั้นหลับนอน จนกลายเป็นปัญหาสังคมไปเลยก็มี


- กูเกิ้ล (Google) – เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าอยากจะหาอะไรก็เข้าไปหาใน Google เพราะว่าการค้นหา (Search) ทำให้สิ่งที่เราอยากรู้อยากดู อยากเห็นได้มาอยู่ในจอสี่เหลี่ยมนี้แล้ว ห้องสมุดขนาดใหญ่ของโลกได้กลายมาอยู่ต่อหน้าคุณโดยที่คุณสามารถหมกตัวได้ทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปีในการเรียนรู้ และอาจจะทำให้คุณกลายเป็นคนเก็บตัวอยู่คนเดียว และพัฒนานิสัยที่ทำให้เลิกสุงสิงกับคนอื่น อันนี้ต้องระวังครับ

สรุป การเปลี่ยนแปลงที่ผมอาจจะยกตัวอย่างคร่าวๆ มาทั้งหมดนี้อาจจะเป็นแค่เศษเสี้ยวนึง บางคนมีชีวิตประจำวันอยู่กับสิ่งต่างๆ เหล่านี้และเสียเวลากับของใช้พวกนี้มากจนเกินไป ในอนาคตหรืออีกไม่ช้าไม่นาน อุปกรณ์และการผสมผสานกันกับโลกออนไลน์จะยิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคุณมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ มันอาจจะมีความซับซ้อนยิ่งกว่านี้ สำหรับส่วนตัวของผมแล้วมาลองดูกันครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าวันนี้คุณลองไม่ต้องพกโทรศัพท์มือถือ เลิกนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ แทนที่จะเจอและใช้เวลาพูดคุยกัน ดีกว่าพูดจนติดปากว่า “เดี๋ยวออนไลน์คุยกัน” วันนี้ที่คุณทำได้ง่ายๆ คือเพียงแค่เดินทางไปหาคนที่คุณรู้จัก คนที่คุณรัก หรือเพื่อนที่คุณไม่ได้เจอกันมานาน ใช้เวลากับเขาจริงๆ แค่นี้คุณก็เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ง่ายๆ เพราะไม่มีสิ่งของที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น คุณก็มีชีวิตอยู่ได้เหมือนกันครับ

ด้วยรัก


ไม่มีความคิดเห็น: